🥇ทำไมจะต้อง Field Density Test และก็จะทดสอบได้ยังไง Article# 804

[Chanapot]

🌏📌🛒การก่อสร้างองค์ประกอบเบื้องต้น ตัวอย่างเช่น ถนน สะพาน หรือโครงสร้างรองรับของอาคาร จึงควรมีการตรวจตราประสิทธิภาพของดินที่ใช้เพื่อการกลบเพื่อแน่ใจว่ามีความแข็งแรงแล้วก็มั่นคงพอที่จะรองรับน้ำหนักของโครงสร้างได้ การทดสอบ Field Density Test เป็นเลิศในวิธีที่สำคัญแล้วก็เป็นที่นิยมสำหรับในการสำรวจความหนาแน่นของดินในสนาม ซึ่งเนื้อหานี้จะชี้แจงถึงความสำคัญของการทดสอบ Field Density Test และแนวทางการทดลองที่ถูก



📌⚡🌏เพราะเหตุไรจะต้องทดลอง Field Density Test✅🌏✨

🦖⚡📢1. ความมั่นคงยั่งยืนของโครงสร้าง
การทดลอง Field Density Test ช่วยทำให้วิศวกรสามารถประเมินความหนาแน่นของดินที่ใช้ในลัษณะของการกลบพื้นที่ก่อสร้างได้อย่างเที่ยงตรง ดินที่มีความหนาแน่นพอเพียงจะช่วยทำให้ส่วนประกอบมีความยั่งยืนรวมทั้งสามารถรองรับน้ำหนักเจริญ ลดการเสี่ยงสำหรับการยุบหรือแตกร้าวของส่วนประกอบ

🦖✅✅2. การควบคุมคุณภาพสำหรับเพื่อการก่อสร้าง
การทดลอง Field Density Test เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของการควบคุมคุณภาพสำหรับเพื่อการก่อสร้าง ช่วยทำให้มั่นอกมั่นใจได้ว่าดินที่ใช้ในลัษณะของการถมมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด และก็สามารถรองรับการใช้แรงงานในระยะยาวได้ การสำรวจนี้ยังช่วยคุ้มครองป้องกันปัญหาที่บางทีอาจเกิดขึ้นในอนาคต อาทิเช่น การทรุดตัวของดินหรือการเสียหายขององค์ประกอบ

📌🌏📌3. การรับรองความปลอดภัยของแผนการ
ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการก่อสร้าง การทดสอบ Field Density Test ช่วยให้มั่นใจได้ว่าพื้นดินที่ใช้เพื่อการก่อสร้างมีความแข็งแรงพอที่จะรองรับส่วนประกอบแล้วก็การใช้งานจริง การทดลองนี้ช่วยลดการเสี่ยงสำหรับการเกิดอุบัติเหตุแล้วก็ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับทางโครงสร้างที่บางทีอาจเกิดขึ้น

บริการ Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท ทดสอบดิน บริการ Soil Test วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Website: https://soiltest.asia
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/

⚡🦖⚡กรรมวิธีการทดลอง Field Density Test🥇👉👉

การทดลอง Field Density Test มีหลายวิธีที่นิยมใช้ในวงการก่อสร้าง ซึ่งแต่ละแนวทางมีส่วนที่ดีและส่วนที่เสียไม่เหมือนกันไป แนวทางที่นิยมใช้ได้แก่:

🌏✅✨1. Sand Cone Method
เป็นขั้นตอนการที่ใช้ทรายเพื่อเติมลงไปในหลุมที่ขุดขึ้นในดิน แล้วหลังจากนั้นวัดจำนวนทรายที่ใช้เพื่อเพิ่มเติมหลุม การประเมินจำนวนนี้จะช่วยให้ทราบถึงความหนาแน่นของดินที่ถูกถมลง แนวทางนี้มีขั้นตอนดังนี้:

👉1.1 ขุดหลุมในดินที่อยากได้ทดลองโดยมีขนาดและความลึกตามที่ได้กำหนด
🌏1.2 เพิ่มเติมทรายลงในหลุมแล้วก็วัดปริมาณทรายที่ใช้สำหรับเพื่อการเพิ่มหลุม
🦖1.3 คำนวณความหนาแน่นของดินจากปริมาณทรายที่ใช้

⚡📌🌏2. Nuclear Density Gauge Method
เป็นแนวทางที่ใช้เครื่องมือวัดรังสีสำหรับในการวัดความหนาแน่นของดิน วัสดุนี้สามารถให้ผลการทดลองได้อย่างเร็วและถูกต้องแม่นยำ วิธีแบบนี้มีขั้นตอนดังต่อไปนี้:

🌏2.1 จัดเตรียมพื้นที่ทดลองแล้วก็ติดตั้งเครื่องไม้เครื่องมือ Nuclear Density Gauge
🥇2.2 ส่งรังสีเข้าไปในดินรวมทั้งวัดผู้กระทำระจายของรังสีที่สะท้อนกลับมา
⚡2.3 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับเพื่อหาค่าความหนาแน่นของดิน

👉📢✅3. Rubber Balloon Method
เป็นวิธีที่ใช้ลูกโป่งยางในการวัดจำนวนดินที่ถูกขุดออกมา วิธีแบบนี้เหมาะกับการทดสอบในพื้นที่ที่ไม่อาจจะใช้ทรายหรืออุปกรณ์ที่สำหรับใช้ในการวัดรังสีได้ แนวทางลักษณะนี้มีขั้นตอนดังต่อไปนี้:

✨3.1 ขุดหลุมในดินที่อยากได้ทดสอบโดยมีขนาดรวมทั้งความลึกตามที่กำหนด
🥇3.2 ใส่ลูกโป่งยางลงในหลุมและเติมน้ำเข้าไปในลูกโป่ง
⚡3.3 วัดปริมาณน้ำที่ใช้เพื่อสำหรับในการเติมลูกโป่งและคำนวณความหนาแน่นของดิน

🎯🛒⚡ข้อสรุป🛒✅📌

การทดลอง Field Density Test เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการตรวจตราความหนาแน่นของดินในสนาม ช่วยให้วิศวกรแล้วก็ผู้รับเหมาก่อสร้างได้รับข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับคุณภาพของดินที่ใช้เพื่อสำหรับการก่อสร้าง การทดลองนี้ช่วยรับรองความมั่นคงรวมทั้งความปลอดภัยของโครงสร้างที่สร้างขึ้น การเลือกใช้วิธีการทดสอบที่เหมาะสมจะช่วยทำให้การก่อสร้างดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว

[Prichas]

เข้าใจแล้วค่ะ

[deam205]

สุดยอดมากครับ